ห่างหายจากการเขียน Blog ไปซะนาน วันนี้พอจะมีเวลาก็เลยเลือกเอาเรื่องที่เตรียมไว้ (ซึ่งมีเยอะม๊ากกกก) มาอัพเดต Blog ซะหน่อย
วันนี้ว่าด้วยเรื่องงงง…. “การสอบใบอนุญาติขับรถยนต์” หรือ ที่เราเรียกกันติดปากว่า “สอบใบขับขี่รถยนต์“
แต่ตอนนี้กรมการขนส่งทางบกเค้าเปลี่ยนกฎแล้วนะคะ ก็คือว่า จะให้สอบข้อเขียนและตรวจสภาพร่างกาย 1 วัน
และอีก 1 วันก็ให้มาสอบปฏิบัติ (ใครที่ต้องลางานมาก็แย่หน่อย เพราะอาจต้องเสียเวลาทำมาหากินและโดนเจ้านายด่าได้ 555)
พอไปถึงที่กรมการขนส่งก็ต้องไปยื่นเอกสาร เพื่อรอรับบัตรคิว สำหรับตรวจเอกสารของเราว่าครบมั้ย พอได้บัตรคิวเราก็ต้องมายืนต่อแถวตามคิวเพื่อรอตรวจเอกสารค่ะ
สำหรับเอกสารที่ต้องเตรียมไปในวันสอบข้อเขียน ก็คือ
1. สำเนาบัตรประชน
2. ใบรับรองแพทย์ (ที่มีอายุไม่เกิน 15 วันค่ะ)
3. สำเนาทะเบียนบ้าน
4. กรณีที่เป็นชาวต่างประเทศ ให้ใช้หนังสือเดินทางที่ได้รับ VISA ประเภท NON – IMMIGRANT แทนบัตรประจำตัวประชาชนและหนังสือรับรองถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยจากสถานทูต หรือหน่วยราชการ แทนสำเนาทะเบียนบ้านค่ะ
5. ถ้าผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถมีใบอนุญาตขับรถดังต่อไปนี้ให้นำมาด้วย พร้อมภาพถ่าย เพื่อจะได้รับสิทธิ์ยกเว้นการทดสอบบางประการค่ะ
- ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกซึ่งยังไม่สิ้นอายุพร้อมภาพถ่าย จะได้รับยกเว้นไม่ต้องทดสอบใด ๆ
- ใบอนุญาตขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทหาร
- ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลหรือรถจักรยานยนต์ ตามอนุสัญญาว่าด้วยการจราจรทางถนนทำ ณ นครเจนิวา ค.ศ.๑๙๔๙
- ใบ อนุญาตขับรถซึ่งต่างประเทศออกให้และยังไม่สิ้นอายุ พร้อมภาพถ่าย โดยใบอนุญาตขับรถต่างประเทศดังกล่าวต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือแปลเป็นภาษา ไทย ซึ่งรับรองคำแปลโดยสถานทูตมาด้วย จะได้รับยกเว้นไม่ต้องทดสอบข้อเขียนและทดสอบขับรถ
สมัยนี้ไม่ต้องเอารูปถ่ายไปละ เพราะว่าเค้าเป็นแบบ Smart Card ละค่ะ ถ้าสอบผ่านก็ถ่ายรูปและรอรับบัตรได้เลย เร็วปรู๊ดเลยค่าา อิอิ
ซึ่งในการทำใบขับขี่ครั้งแรกนั้น ใบขับขี่จะมีอายุ 1 ปี นะคะ หลังจากครบ 1 ปีแล้วก็สามารถไปต่ออายุให้เป็น 5 ปีค่ะ และหลังจากนั้นก็ต่ออายุทุกๆ 5 ปีค่ะ (ใครที่อยากได้แบบตลอดชีพ ขอบอกว่า อดค่ะ เพราะไม่มีอีกแล้ววว)
ขั้นตอนการอบรม ทางกรมการขนส่งทางบก ก็จะมีป้ายใหญ่ๆ บอกวิธีเอาไว้ค่ะ ก็เข้าใจง่ายดีนะ
เสร็จแล้วก็จะได้บัตรคิวเพื่อรอตรวจสภาพร่างกายค่ะ ได้ตั้งคิวที่ 94 แหนะ นานชะมัดเลย
หลังจากนั้นก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยตะโกนเรียกตามคิว เช่น คิวที่ 80 – 100 ให้าเข้าแถวตรวจสภาพร่างกายค่ะ เราก็ต้องเดินไปต่อคิวเพื่อรอตรวจ จริงๆแล้ว จะมีอยู่ 3 ขั้นตอนการตรวจค่ะ
ขั้นตอนที่ 1 ก็ต้องตวรจว่าตาเราบอดสีรึป่าว , สามารถมองเห็นสีได้ชัดมั้ย โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยกดปุ่มให้ไฟสีแดง , เขียว , เหลือง ให้แสดงขึ้นมา ลักษณะก็จะคล้ายกับสัญญาณไฟจราจรตามสี่แยกแหละค่ะ เป็นเสาแล้วก็มีไฟเรียงกันลงมา 3 ดวง เราก็มีหน้าที่ยืนตรงตำแหน่งที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ ซึ่งจะห่างจากไฟที่จะแสดงประมาณ 3-4 เมตรค่ะ แล้วก็ตอบตามสีที่ปรากฎขึ้นมา เจ้าหน้าที่จะกดประมาณ 5-6 ครั้ง ถ้าเราตอบถูกหมดก็ผ่านขั้นตอนนี้ค่ะ แต่ถ้าตอบผิดเจ้าหน้าที่ก็จะให้ตอบใหม่แต่ไม่เกิน 3 ครั้ง ถ้ายังผิดอีกก็ถือว่าไม่ผ่านเลยค่ะ….(ซวยไป เหอๆๆ) อยากจะบอกว่าขั้นตอนนี้ง่ายมากนะคะ คิดว่าน่าจะผ่านกันทู๊กคนเลย (ไม่มีภาพมาให้ดูเพราะขั้นตอนนี้ไวมาก ถ่ายรูปไม่ทัน ฮ่าๆๆ) กรณีไม่ผ่านการทดสอบ ให้มีสิทธิทดสอบแก้ตัวในวันนั้น หรือวันทำการถัดไปค่ะ
ขั้นตอนที่ 2 เป็นการวัดความเร็วของประสาทสัมผัสของเรา โดยจะมีเครื่องวัดความเร็วของเท้าสีดำๆ ตั้งอยู่ห่างจากเราประมาณ 1 เมตรแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะให้เรานั่งตรงเก้าอี้ที่เตรียมไว้ ตรงพื้นก็จะมีเบรกจำลองให้เราเหยียบ โดยที่ตรงเครื่องวัดความเร็วของเท้าจะมีไฟสีเขียวแสดงอยู่ จนเห็นเป็นไฟสีแดงเมื่อไหร่ให้เรารีบเหยียบเบรกทันที ซึ่งระยะเวลาการเหยียบเบรกจากไฟสีเขียวเป็นสีแดงจะต้องไม่เกิน 0.75 วินาทีค่ะ ตอนเห็นคนอื่นเค้าทำก็คิดในใจว่า “เราจะทำได้มั้ยว้าาา” แต่พอทำจริงๆ ก็ง่ายมากค่ะ ผ่านฉลุย อิอิ
เครื่องวัดความเร็วของเท้าก็หน้าตาแบบนี้ล่ะค่ะ
ขั้นตอนที่ 3 การทดสอบสายตาของเราในมุมกว้างค่ะ โดยที่เราจะต้องเอาคางวางตรงแท่นครึ่งวงกลม (ตามรูปด้านล่าง) และสายตาเราจะต้องมองตรงไปข้างหน้าในตำแหน่งที่เจ้าหน้าที่ให้มองค่ะ และเจ้าหน้าที่เค้าก็จะกดปุ่มให้ไฟมันแสดงขึ้นทีละข้าง(ซ้าย และ ขวา) เราต้องตอบให้ได้ว่าสีที่ปรากฏขึ้นมานั้นเป็นสีอะไร โดยที่สายตาของเราต้องไม่วอกแวก ต้องมองตรงอย่างเดียวเท่านั้นค่ะ ตรงนี้วันที่ฟ้าไปสอบจะมีคนพลาดบ่อยมากแล้วก็จะโดนเจ้าหน้าที่ดุเยอะมากคะ เพราะส่วนใหญ่ชอบกลอกตาไปตามสีไฟที่ปรากฏ เลยทำให้ไม่ผ่านกันไปตามระเบียบค่ะ ฮ่าๆๆๆ
credit ภาพจาก คุณ น้ำปลาเดือนห้า
เสร็จแล้วเราก็ไปเข้าห้องเพื่อฟังการอบรมกันค่ะ ช่วงเช้า 2 ชม. ต้องไปลงชื่อก่อนเข้าห้องแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะให้บัตรคิวเลขที่นั่งมาค่ะ เราก็นั่งให้ตรงตามบัตรคิวของเราค่ะ ก็จะมีวิทยากรมาพูดๆๆๆ ให้ฟังเกี่ยวกับความปลอดภัยบนท้องถนน , การขับรถที่ถูกวิธี และช่วงท้ายก็จะให้ดูคลิปอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นตามสี่แยกและบนท้องถนนค่ะ สารภาพเลยว่าช่วงนี้หลับไปหลายตื่นค่ะ 555
ห้องอบรมก็เป็นห้องใหญ่ๆ จุได้เป็นร้อยๆคนเลยล่ะค่ะ
บนโต๊ะก็จะมีหนังสือวางเอาไว้ให้อ่าน แต่ไม่ให้เอากลับบ้านหรือเอาออกนอกห้องนะคะ เนื้อหาก็จะเกี่ยวกับสัญญาณจราจรค่ะ
พอผู้เข้าอบรมเข้ามาในห้องครบแล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่มาแจ้งรายละเอียดต่างๆ ออกแนวขู่เล็กน้อย แล้วก็จะมีหนังสือมาขายค่ะ เล่มละ 50 บาท แต่แนะนำว่า ไม่ต้องซื้อ หรอกค่ะ เปลืองตังเปล่าๆ เพราะช่วงบ่ายก็จะมีเจ้าหน้าที่มาบอกข้อสอบอยู่ดีเนื้อหาก็เหมือนกัน แต่ด้วยความที่ฟ้าไม่รู้ก็เลยหลงกลซื้อมา 1 เล่มค่ะ เซงจริงๆๆ
พออบรมเสร็จทั้งรอบเช้าและก็บ่าย ก็มาเตรียมตัวสอบข้อเขียนค่ะ เจ้าหน้าที่ก็จะบอกวิธีการสอบอย่างละเอียดเลย
และก็จะให้ต่อแถวเพื่อเข้าไปในห้องสอบค่ะ
ก่อนเข้าห้องก็จะมีป้ายบอกวิธีการสอบด้วยค่ะเผื่อจะลืมกัน….
ในการสอบข้อเขียนนี้ ก็จะมีจอ Monitor เพื่อให้เราอ่านข้อสอบและก็มีปุ่มเพื่อให้เรากดเลือกข้อสอบ 4 ข้อค่ะ เวลาในการทำข้อสอบก็ประมาณ 1 ชม. มั้งคะ ข้อสอบมี 30 ข้อ 30 คะแนน ต้องได้ 23 คะแนนขึ้นไปถึงจะผ่านค่ะ แต่เอาเข้าจริง ทำแค่ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้วค่ะ ไม่ยากเลย พอทำข้อสอบเสร็จปุ๊บ ระบบก็จะบอกคะแนนเลยว่าผ่านหรือไม่ผ่าน ผิดข้อไหน แล้วคำตอบที่ถูกคืออะไรค่ะ สอบครั้งนี้ฟ้าได้ 29/30 ค่ะ ฮ่าๆๆๆ
พอสอบเสร็จและสอบผ่านแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะให้บัตรนัดใบเล็กๆมาค่ะ เพื่อเอามายื่นในวันสอบปฏิบัติค่ะ
เป็นอันจบ สิ้นสุดวันแห่งการสอบข้อเขียนค่ะ มาตั้งแต่ 8 โมงเช้า เสร็จสิ้นก็ประมาณ 4 โมงเย็นโน่นค่ะ แล้วเราก็ต้องมาสอบปฏิบัติในวันทำการถัดไปค่ะ แต่ต้องไม่เกิน 90 วันนะคะ โดยวันที่มาสอบปฏิบัติ ก็ไปที่อาคารทดสอบการขับขี่ได้เลยค่ะ แนะนำว่าให้ไปแต่เช้าเลยค่ะ จะได้สอบไวๆค่ะ
วันที่ไปสอบปฏิบัติก็ยื่นเอกสารการสอบที่เจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ แต่ที่กรมการขนส่งตรงจตุจักรที่ฟ้าไปสอบ เค้าค่อนข้างมีการจัดระเบียบที่ดีค่ะ จัดคิว จัดแถวให้ เป็นระเบียบมากเลยค่ะ พอตรวจเอกสารเสร็จแล้ว ก็จะได้บัตรคิว (อีกแระ) มาค่ะ แล้วก็เข้าไปฟังขั้นตอนการสอบปฏิบัติค่ะ
หลังจากนั้นใครพร้อมจะสอบก็ไปสอบค่ะ
อ้ออ…ลืมบอกไปค่ะ ใครได้คิวที่เป็นเลขคู่ก็สอบช่อง B แต่ถ้าใครได้คิวเลขคี่ก็สอบช่อง A ตามรูปเลยค่ะ
วันนี้ฟ้าได้คิวเลขคี่ค่ะ
credit ภาพแผนผังการสอบปฏิบัติ จาก คุณ น้ำปลาเดือนห้า
ขออธิบายแผนผังนี่ซักหน่อยนะคะ
1. ช่อง A อาจจะยากกว่าซักหน่อย เพราะต้องเลี้ยวขวาเพื่อไปเข้าซอง 1A เพื่อทดสอบการขับรถเดินหน้าตรง-ถอยหลังตรง (ท่าที่ 1) ค่ะ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะให้สัญญาณให้เราถอยหลังมาจอดเทียบทางซ้ายมือ (ท่าที่ 2) ที่ซอง 2A ซึ่งระยะจาก 1A มา 2A จะไกลหน่อยค่ะ คนที่จะถอยต้องกะระยะดีๆค่ะ โดยต้องจอดให้ชิดด้านซ้ายมากที่สุด โดยที่กระจกมองข้างด้านคนขับจะต้องไปเลยออกมาจากแนวเสาที่ตั้งไว้ค่ะ และตัวรถจะต้องไม่ไปเฉี่ยวหรือชนเสาใดๆเลย และเข้าเกียร์เดินหน้า-ถอยหลังได้ไม่เกิน 7 ครั้งค่ะ ไม่งั้นตกทันทีค่ะ ต้องมาสอบใหม่ค่ะ แต่ฟ้าผ่าน ฮ่าๆๆๆๆ
2. ช่อง B ง่ายกว่าช่อง A นิดหน่อยค่ะ ลักษณะการสอบจะคล้ายๆกัน แต่ระยะระหว่างซอง 1B และ 2B จะใกล้กันมากกว่าช่อง A ค่ะ
หลังจากที่สอบทั้ง 2 ท่านี่เสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะเอาเอกสารมาให้ค่ะ เรายังไม่ต้องหยิบดูหรอกนะคะ ให้รีบขับไปสอบจอดเทียบฟุตบาท (ท่าที่ 3) ดีกว่าค่ะ ก็คือในจุดที่ 3A + B นั่นเองค่ะ
โดยที่เราต้องไปจอดรถที่จุดแสดงสัญญาณไฟก่อนนะคะ รอให้ไฟเป็นสีเขียวแล้วค่อยๆขับรถเข้าไปสอบจอดเทียบฟุตบาทค่ะ (ถ้าเผลอขับไปโดยไม่ดูว่าไฟยังเป็นสีแดงหรือสีเขียว จะโดนปรับตก ไม่ผ่านเลยนะคะ) ในท่าที่ 3 นี้ ต้องจอดเทียบฟุตบาทโดยห่างจากฟุตบาทได้ไม่เกิน 25 ซม. ค่ะ ถ้าเกินหรือปีนฟุตบาท เป็นอันสอบตกอย่างเดียวค่ะ 555 และก็ต้องจอดไม่เกินป้ายหยุด ห่างจากป้ายไม่เกิน 1 เมตรนะคะ ไม่งั้น…ตกอีกค่ะ อิอิ
หลังจากนั้นก็ชับรถต่อไปเรื่อยๆ จนถึงจุดส่งเอกสารค่ะ ตรงนี้จะเป็นจุดที่บอกว่าเราสอบผ่านมั้ย ถ้าไม่ผ่านเค้าก็จะให้เอกสารใบใหญ่ๆ มาเพื่อมาสอบในวันทำการถัดไป สอบแก้เฉพาะท่าที่เราสอบตกค่ะ วันที่ฟ้าไปสอบ คนมาสอบแก้จอดเทียบฟุตบาทเยอะมากค่ะ เพราะส่วนใหญ่ตกท่านี้ เหอๆๆ
แต่…ฟ้า…สอบผ่านค่ะ อิอิ ก็เลยได้ไปถ่ายรูปและจ่ายเงินค่าใบขับขี่เลยค่ะ ดีหน่อย..ที่ไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นมาสอบแก้ตัวอีกค่ะ อิิอิ
และก็ไปจ่ายเงินที่อาคาร 4 ชั้น 2 ยอดเงิน 250 บาทค่ะ เจ้าหน้าที่เค้าก็จะออกใบเสร็จและก็ถ่ายรูปติดบัตรให้เรา ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ
แต่…ไม่กล้าเอาใบขับขี่มาโชว์ เพราะไม่มีเวลาได้จัดเสื้อผ้า หน้า ผม เล้ยย 555 แต่ตอนนี้ก็ได้ใบอนุญาติขับรถยนต์มานอนกอดแล้วจ้าาาา
ใครที่กำลังจะไปทำใบขับขี่รถยนต์ครั้งแรก หวังว่า Blog ของฟ้าน่าจะเป็นประโยชน์นะคะ ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ ^^
Credit :: คุณน้ำปลาเดือนห้า , กรมการขนส่งทางบก
Posted by Alit on September 5, 2012 at 11:42 am
กำลังสงสัยบางข้อของการสอบเลยค่ะ แต่ก็ได้รับคำตอบจากบล็อคนี้ ขอบคุณมาๆค่ะ
Posted by rungseefah on September 6, 2012 at 2:31 am
ขอให้โชคดีในการสอบนะคะ ^^
Posted by on_muk@hotmail.com on October 12, 2012 at 8:51 am
ขอบคุณน้องฟ้ามากค่ะที่แนะนำ
Posted by lek on October 13, 2012 at 3:20 am
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ แต่สอบที่สุราษฎร์ธานีไม่รู้จะเป็นยังไงบ้างไม่รู้จะถอยเข้าซองผ่านไหม
Posted by rungseefah on October 14, 2012 at 2:32 pm
ไม่ยากค่าาา อย่าตื่นเต้น ก็จะสอบผ่านนะคะ ^^
Posted by kongsniper on November 30, 2012 at 5:50 pm
ยังไม่เคยจับพวงมาลัยมาก่อนอย่างผมนี้ซิ คิดหนัก 3 วันหัดขับ ต้องไปสอบ เหงือ ตก
Posted by rungseefah on December 1, 2012 at 4:06 am
สู้ๆๆ นะคะ ทำได้อยู่แว้วววว ^^
Posted by อากุล on December 7, 2012 at 7:42 am
ยังไม่ได้ทำใบขับขี่เลย
Posted by MyName Is...TaTum's on December 11, 2012 at 8:10 am
ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำ รบกวนถามนิดนึงว่า ท่าจอดรถเทียบฟุตบาทเค้ามีกำหนดด้วยมั้ยว่า ล้อรถด้านซ้าย จะต้องทับเส้นถนนพอดี
Posted by Thata on December 31, 2012 at 3:49 am
ขอบคุณค่ามีประโยชน์มากมาย
Posted by art on January 29, 2013 at 2:14 pm
วันที่สอง ที่สอบภาคปฏิบัติ ต้องไปถึงที่กรมขนส่งทางบกกี่โมงหรอครับ (เห็นว่าคิวเยอะมากๆ)
Posted by rungseefah on January 29, 2013 at 2:25 pm
ใช่แล้วค่ะ คิวเยอะมว๊ากกกกกกกกกกกค่ะ
แนะนำว่าให้ไปถึงประมาณ 8 โมงเพื่อไปรอคิวค่ะ (แต่ สนง. ที่รับเรื่องยังไม่เปิดนะคะ) ไปยืนเข้าคิวไว้ก่อนเลยจ้า ถ้าหากว่าเอารถส่วนตัวไปสอบเอง พอทำเรื่องกับ จนท. เสร็จแล้วก็ขับรถไปเข้าคิวรอสอบปฏิบัติได้เลยค่ะ
แต่ถ้าหากไปสอบพร้อมกับโรงเรียนสอนขับรถ ก็ต้องไปตามที่ทางโรงเรียนนัดค่ะ ซึ่งเค้าก็จะมีระเบียบการแจ้งอีกทีค่ะ
ขอให้สอบผ่ายฉลุยเลยนะคะ ^^
Posted by Manasanan on April 10, 2013 at 5:46 am
เพื่อนที่จะไปสอบที่กรมขนส่งจัตุจัก เวลาเข้าซองให้นับเสา 4ต้นนะค่ะ ขนส่งนี้จะต่างจากที่ขนส่งอื่นและที่เราเรียนที่มีแค่3ต้น แค่นี้ก็ผ่านแน่รอนค่ะ ส่วนอื่นๆปฏิบัติเหมือนๆกัน (ปล.ก่อนเข้าซองในแต่ละขนส่งให้สังเเกตเสาด้านหลังซองแล้วนับตามจำนวนนั้นๆนะค่ะ สู้ๆ:))
Posted by Jiew phaphorn on August 16, 2013 at 1:56 am
วันนี้มาอบรมสอบข้อเขียน ตื่นเต้นมากเลยค่ะ
Posted by rungseefah on August 16, 2013 at 2:13 am
สู้ๆ นะคะ ข้อเขียนไม่ยากค่ะ ขอให้ได้เต็มเลยนะค๊าาาา ^^
Posted by ตื่นเต้น on September 28, 2013 at 7:33 am
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ กำลังหาข้อมูลเพื่่่่อเตรียวตัวพอดี ตื่่นเต้นเช่นกันค่ะ T_T
Posted by chanatip on November 2, 2013 at 7:14 am
อยากทราบวาสถ้าไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง ทางขนส่งมีบริการให้เช่าไหมครับ
Posted by rungseefah on November 2, 2013 at 7:27 am
ที่ขนส่งอื่นๆ มีรถให้เช่าใช้นะคะ (แต่เก่าอ่ะค่ะ) แต่ไม่แน่ใจว่าที่จตุจักรมีรึเปล่าอ่ะค่ะ แต่การเช่ารถจะต้องรอคิวรถให้วนมาถึงคิวเรา อาจจะต้องรอนานนิดนึงค่ะ ^^
Posted by ลองกอง on November 26, 2013 at 11:02 pm
ที่ขนส่งจตุจักรมีรถให้เช่าค่ะเป็น honda city ค่าเช่า100บ. รถสภาพดีด้วย ตอนรับรถจะสอบให้เดินตรงขึ้นสะพานไปจนสุดเลยค่ะ จะมีเจ้าหน้าที่อยู่
Posted by rungseefah on November 27, 2013 at 5:08 am
ขอบคุณที่มาแชร์ข้อมูลดีๆ นะคะ ^^
Posted by Ja on August 4, 2014 at 4:56 am
วันศุกร์นี้แล้วสอบขับรถที่จตุจักร เฮ้อ!!! เครียดเหมือนกันนะเนี่ย^^
Posted by rungseefah on August 6, 2014 at 1:04 pm
ผ่านอยู่แล้นนน สู้ๆ นะค๊าาา 😀